การออกแบบบ้านให้ประหยัดพลังงาน ลดมลภาวะประหยัดค่าใช้จ่าย
สมัยนี้การออกแบบบ้าน ให้ประหยัดพลังงานกำลังอยู่ในความนิยม วันนี้จึงจะมาแนะนำเรื่องดี ๆ บ้านคือวิมารของเรา บ้านยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนอีกด้วย เพราะบ้านเป็นปัจจัยสี่ ที่จะให้เราได้ทั้งความมั่นคง ความปลอดภัย และความสะดวกสบาย รวมทั้งผู้เป็นสมาชิกในครอบครัว ในการออกแบบบ้าน ให้อยู่สบายแถมยังช่วยประหยัดพลังงาน ประหยัดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกันอุปโภคบริโภคอีกด้วย เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า เรียกได้ว่าอยู่สบายทั้งตัว และกระเป๋าทีเดียว
- การออกแบบบ้านให้มีความประหยัด การวางตำแหน่งบ้านเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ควรวางให้ตำแหน่างขวางทิศที่ดวงอาทิตย์ขึ้น เนื่องจากจะทำให้บ้านร้อน ควรหลีกเลี่ยงการออกแบบบ้านในลักษณะนี้ และหันไปวางตัวบ้านในแนวอื่นที่เหมาะสมจะดีกว่า
- ให้วางพื้นที่ใช้งานน้อยให้อยู่ทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศที่ร้อนแต่ก็มีกระแสลมพัดถ่ายเทตลอดเวลา เข่น หัองน้ำ บันได ห้องแม่บ้าน ห้องเก็บของ และห้องครัว เป็นต้น
- ควรวางไว้ทางตำแหน่งที่มีการรับแสงธรรมชาติ สำหรับห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก หรือห้องรับประทานอาหาร ได้แก่ทิศเหนือ และตะวันออก
- สำหรับห้องที่ต้องการให้มีกระแสลม เย็นตลอดทั่งวัน อันได้แก่ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ควรให้อยู่ทางทิศใต้ เนื่องจากจะมีลมพัดผ่านตลอดวัน
- การสร้างบ้านให้แบ่งพื้นที่สีเขียวไว้ประมาณ 30% ของที่ดินทั้งหมอเพื่อการปลูกต้นไม้ เนื่องจากธรรมชาติของต้นไม้จะคายความชื้นออกมา ดังนั้นเมื่อมีกระแสลมพัดมาก็จะนำพาความชื้นจากต้นได้เข้าสู่ตัวบ้านได้ง่ายขึ้น
- ตำแหน่งหน้าต่างภายในบ้านมีความสำคัญ ไม่ควรหันไปทางทิศตะวันตก เนื่องจากความร้อนและแสงจะเข้ามาทางนี้ ควรทำไว้ทางทิศตะวันออก ทิศเหนือ ทิศใต้ และควรให้หน้าต่างมีขนาดที่เท่ากันทุกบานโดยเฉพาะให้อยู่ตรงข้ามกันยิ่งดี เพราะจะได้มีลมพัดผ่านได้สะดวกยิ่งขึ้น
- ทิศตะวันตกเป็นทิศที่จะโดนแสงและความร้อนมากที่สุด ดังนั้นควรออกแบบให้หลังคาหรือชายคายื่นออกมามากหน่อยหรือต้องติดตั้งกันสาด หรือปลูกต้นไม้ที่มีลักษณะทรงพุ่มสูงเพื่อเป็นการช่วยในการป้องกันความร้อนได้
- การเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างบ้าน ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกอิฐที่มีความหนากว่าธรรมดาสักหน่อย สำหรับก่อสร้างผนังอาคารฝั่งตะวันตกและทางฝั่งทิศใต้ซึ่งเป็นฝั่งที่โดนความร้อนมากกว่าฝั่งอื่น ๆ โดยเฉพาะในช่วงเวลาบ่ายถึงเย็น จึงควรใช้อิฐพิเศษที่มีความหนาประมาณ 15-20 ซ.ม. ซึ่งจะหนากว่าด้านอื่น ๆ ที่ใช้อิฐขนาดปกติได้ หรืออิญที่มีความหนาประมาณ 10 ซ.ม.
- ควรเลือกฝ้าหลังคาชนิดที่มีรูพรุน ซึ่งจะทำให้ลมสามารถพัดผ่านได้สะดวกกว่า เป็นการช่วยระบายความร้อนไปด้วยในตัว
- ไม่ควรให้ออกไปชิดขอบรั้วมานัก ถ้าต้องมีการต่อเติมบ้านเพราะจะทำให้การระบายอากาศไม่ดี