ไขควง อุปกรณ์ช่างสุดสำคัญ
หากใครที่สังเกตดีๆ บรรดาช่างแทบจะทุกคนจะต้องมีอุปกรณ์การช่างอยู่ชิ้นหนึ่งติดตัวอยู่เสมอ เพื่อความพร้อมในการซ่อมแซมฉุกเฉินที่ไม่อาจจะทราบได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เครื่องมือช่างชนิดนี้สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี และมีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยให้งานซ่อมแซมของช่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี อุปกรณ์การช่างชิ้นที่นั้นที่กำลังกล่าวถึงก็คือ “ไขควง”
ไขควงจะมีอยู่หลายแบบด้วยกัน แต่ที่เห็นเป็นประจำคือ ไขควงแฉก, ไขควงแบน และไขควงวัดไฟ โดยไขควงแฉกนั้นจะมีลักษณะเด่นคือตรงปลายนั้นจะเป็นเหมือนรูปเคลื่อนหมายบวก ใช้กับน๊อตที่มีหัวเป็น 4 แฉก ซึ่งน๊อตชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก และส่วนมากมักจะใช้น๊อตชนิดนี้กัน ส่วนไขควงแบน ตรงนั้นจะมีลักษณะแบบ เหมาะกับหัวน๊อตที่มีลักษณะแบบเป็นเส้นตรงแนวนอน ส่วนไขควงวัดไฟนั้นตรงปลายจะส่วนมากจะเป็นแบบแฉกมากกว่าแต่บางอันก็สามารถถอดเปลี่ยนหัวได้ โดยไขควงวัดไฟมักจะใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ชัวร์ว่ามีไฟเข้าหรือเปล่า หรือใช้กับที่เสียบปลั๊กบางจุดที่ถูกทิ้งไว้เป็นเวลานาน
วิธีใช้ไขควงนั้น อย่างแรกคือดูขนาดของตัวน๊อต เพราะไขควงจะมีหลายขนาดด้วยกัน ตั้งแต่ไซส์ใหญ่มาจนถึงไซส์เล็กที่ใช้กับงานเล็กๆ แต่ส่วนมากหัวน๊อตมักจะเป็นแบบสี่แฉกอย่างที่ได้กล่าวไป วิธีไขก็คือเมื่อเลือกไขควงแบบเดียวกับหัวน๊อตให้เอาไขควงเสียบเข้าไปจนแน่นจากนั้นให้ไขทวนเข็มนาฬิกาในกรณีที่ต้องถอดหัวน๊อตนั้นออกมา แต่หากต้องการใส่เข้าไปให้ไขแบบตามเข็มนาฬิกา แต่ข้อระวังคืออย่าไขจนแน่นหรือหลวมมากเกินไป เอาแค่รู้สึกตึงมือก็พอ
ส่วนไขควงวัดไฟนั้นให้เอาไปจิ้มที่รูเสียบปลั๊กหากมีกระแสไฟวิ่งผ่าน ตัวไขควงจะปรากฏเป็นแสงขึ้นมา แล้วแต่ว่ายี่ห้อจะทำเป็นแสงสีอะไร หากมีแสงนั่นแปลว่ารูเสียบนั้นยังมีไฟวิ่งอยู่ และการใช้สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าคือให้เสียบปลั๊กอุปกรณ์ชนิดนั้นและเอาไขควงวัดไฟไปจิ้มในจุดที่คิดว่ากระแสไฟฟ้าจะวิ่งผ่านหากมีไฟขึ้นก็แปลว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นยังใช้งานได้ แต่หากไม่มีหรือไฟเข้าไม่สม่ำเสมอแปลว่าอาจจะเกิดอาการชำรุดได้ วิธีเก็บรักษาไขควงไม่มีอะไรมากเมี่อใช้งานเสร็จเอาผ้าเช็ดให้สะอาดแล้วเก็บเข้าใส่กล่องให้เรียบร้อยเก็บไว้ที่ที่หยิบง่ายและพยายามอย่าให้โดนน้ำเพื่อกันสนิม และบางครั้งอาจจะใช้น้ำมันหล่อลื่นชโลมตรงปลายแฉกเพื่อยึดอายุการใช้งานของไขควงให้ยาวนานขึ้นกว่าเดิม