ปัจจัยที่ต้องคำนึงสำหรับการทาสีบ้านทับสีเก่า
บ้านถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ 4 ที่สำคัญที่สุดอีกหนึ่งอย่างต่อการดำรงค์ชีวิตของมนุษย์ ประโยชน์สำหรับที่อยู่อาศัยนั้นมีมากมาย ทั้งการเป็นที่พักผ่อน หลบหลีกจากความวุ่นวายภายนอก อีกทั้งยัง เป็นเกราะกำบังชั้นดีจากสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายภายนอกอีกด้วย และด้วยปัจจัยเหล่านี้หลายๆคนจึงเลือกที่จะสร้างบ้าน ให้ออกมาสวยที่สุด ดูดีที่สุด เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับการอยู่อาศัย เนื่องจากบ้านหนึ่งหลังนั้น สามารถดำรงค์อยู่กับผู้อาศัยได้ตลอดชีวิต จึงต้องหมั่นดูแลรักษาสภาพต่างๆ ของบ้าน ให้ออกมาสวยงามตามแบบที่ต้องการ เพื่อให้ได้บรรยากาศสำหรับการพักผ่อนและผ่อนคลาย สร้างความสบายตาสบายใจกับผู้อาศัยตลอดระยะเวลาที่อยู่ในบ้าน
ปัจจุบันเทรนด์การแต่งบ้านหรือ ทั้งภายนอกภายในได้รับความนิยมในสังคมเป็นวงกว้าง หลายๆคนเริ่มหันมาสนใจการตกแต่งบ้าน ทั้งภายนอกและภายในให้เป็นไปในแบบที่ต้องการ ทั้งนี้ยิ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 หลายๆคนจำเป็นต้องอยู่บ้านเป็นระยะเวลานาน สภาพแวดล้อมภายในบ้านยิ่งต้องดี และมีบรรยากาศ หรือรูปแบบที่ผ่อนคลายต่อผู้อาศัย ทั้งนี้เพื่อลดความเครียดหรือความรู้สึกเบื่ออะไรเดิม ๆ เมื่อต้องอยู่บ้านเป็นระยะเวลานาน การแต่งบ้านให้สวยงามเป็นไปอย่างที่ต้องการนั้นจึงถือว่าสำคัญมาก ทั้งกับการอยู่อาศัยตลอดจนถึงสภาพจิตใจของคนในบ้าน จากความนิยมเหล่านี้ปัจจุบันเราจะเห็นหลาย ๆ บ้านที่ปรากฏในสื่อโซเชียลถูกออกแบบ ตกแต่งหรือ รีโนเวทออกมาได้สวยงามน่าอยู่ ทั้งภายในและภายนอกชนิดที่ไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวหรือโรงแรมเลยทีเดียว
นอกจากบรรยากาศโดยรวมแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สามารถมองเห็นคือ สีของบ้าน ทั้งภายในและภายนอก การเลือกสีทาบ้านนั้นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สามารถสร้างความสวยงามน่าอยู่ให้กับบ้านได้ นอกจากสีภายนอกที่ต้องดูแล เมื่อทรุดโทรมตามกาลเวลาแล้ว การตกแต่งภายในให้มีสีและบรรยากาศไปในแบบที่ต้องการนั้นก็สำคัญเช่นกัน ทั้งนี้เมื่อต้องการปรับปรุงบ้านทั้งภายในและภายนอก หลาย ๆ คนเลือกวิธีการทาสีบ้านทับสีเก่าไปเลยเพื่อการประหยัดเวลาและต้นทุน ทั้งนี้การทาทับสีเดิมนั้นได้ต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
สภาพเดิมของผนัง เมื่อต้องการทาสีทับสีบ้านเดิมนั้น ควนต้องสำรวจสภาพพื้นผิวเดิมทั้งผนัง ตลอดจนคุณภาพของสีทาบ้านชนิดเดิมเสียก่อน หากผนังเรียบ และสีเดิมมีคุณภาพไม่โป่งพองหลุดร่อน มีเพียงแค่ซีดจางตามกาลเวลา ก็สามารถทาสีใหม่ทับได้เลยโดยไม่ต้องใช้ อุปกรณ์ฉาบซ่อมผนังหรือสีรองพื้น แต่ทั้งนี้หากผนังเดิมไม่เรียบ อาจใช้ปูนสำหรับซ่อมเอนกประสงค์
ในการปรับพื้นผิวก่อนจะทาสีใหม่ และในกรณีที่สีเดิมเริ่มเสื่อมคุณภาพ โป่งพองออกมา หรือหลุดร่อนในลักษณะที่เป็นแผ่นและเป็นฝุ่น ก็สามารถทำได้โดยการใช้อุปกรณ์มี่เหมาะสม อาทิเช่น เกรียง กระดาษทราย แปรง หรือ สก๊อตไบรท์ เป็นต้น ทำการขัดทำความสะอาดสีเดิมที่หลุดร่อนโป่งพอง ไม่จำเป็นต้องทั้งหมดบริเวณบ้าน แต่ทำเฉพะบริเวณที่สีหลุดร่อนทั้งหมดจนหายไปและได้ผนังที่เรียบเนียน จากนั้นให้ทาสีรองพื้นสำหรับพื้นปูเก่า เพื่อเสริมการยึดเกาะของสี แล้วจึงจะสามารถทาสีใหม่ทับลงไป ทั้งนี้หากอยากได้สีที่สวยงามดูเรียบร้อยควรทาทับประมาณ 2-3 ชั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เฉดสีเดิมของบ้าน
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญก่อนทาสีทับกันนั้นก็คือโทนหรือเฉดสี (ในกรณีที่สีเดิมมีคุณภาพไม่ต้องจัดผนังก่อน) ทั้งนี้หากสีเดิมมีโทนหรือเฉดสีที่อ่อนกว่าสีใหม่นั้นก็สามารถใช้สีเข้มกว่าทาทับได้เลย แต่หากสีใหม่เป็นสีที่มีเฉดและโทนอ่อนกว่า จำเป็นต้องรองพื้นด้วยสีขาวเพื่อให้สีเดิมอ่อนลงก่อนจะทาทับด้วยสีใหม่ลงไป
ทั้งนี้หากลงมือทำด้วยตัวเองควรศึกษาข้อมูลหรือปรึกษาผู้มีประสบการณ์เพื่อให้ได้สีและผนังที่มีคุณภาพตรงกับความตรงกับต้องการมากที่สุด
