กู้ซื้อบ้านมือสองจากธนาคาร ทางเลือกที่ดีและน่าสนใจ ??
หลายท่านมีความฝันที่ต้องการมีบ้านเป็นของตนเอง บ้านมือสองถือเป็นทางเลือกที่ดีและน่าสนใจ อาจไม่ใช่บ้านใหม่แต่ถ้าพิจารณาที่ราคาแล้วน่าจะถูกลงมากกว่าบ้านมือหนึ่งอยู่ไม่น้อยทีเดียว แถมยังได้เห็นบ้านของจริงและเมื่อตกลงก็จะเข้าอยู่ได้เลย โดยไม่ต้องรอการก่อสร้างให้เสียเวลา วันนี้มีวิธีซื้อบ้านมือสองมาฝาก โดยเฉพาะท่านที่ต้องซื้อด้วยวิธีการกู้เงินจากธนาคารว่าจะต้องเริ่มอย่างไร ไปดูกับเลย
- ขั้นตอนการกู้เงินซื้อบ้าน
เป็นขั้นตอนที่อาจจะยุ่งยากหรือซ้บซ้อนอยู่มากสกหน่อย โดยเฉพาะการซื้อบ้านมือสองเพราะเป็นการซื้อระหว่างผู้ซื้อกับเจ้าของเดิม โดยการผ่านคนกลางได้แก่ธนาคาร ซึ่งผู้ซื้อต้องดำเนินการด้วยตนเอง ทั้งเรื่องการต่อรองราคาการทำสัญญา การชำระเงิน แล้วจึงนำโฉนดที่ดินไปทำเรื่องขอกู้ที่ธนาคาร ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องศึกษาด้วยตนเอง แต่ถ้าเป็นการซื้อผ่านนายหน้าก็จะทำให้ง่ายกว่า และสะดวกกว่า แต่ต้องต้องมีค่าใช้จ่ายตามแต่กรณี และการตกลง
- ต้องรู้เรื่องวงเงินที่จะกู้
โดยปกติธนาคารจะไม่ปล่อยเงินกู้เพื่อการซื้อบ้านมือสองเต็มราคา 100% แต่อาจปล่อยประมาณ 90% ของราคาประเมิน ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาซื้อขายจริง แต่ในความเป็นจริงก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขอื่นที่ทางธนาคารกำหนดด้วย ซึ่งอาจเป็นคุณหรือโทษสำหรับทั้งผู้ซื้อผู้ขายด้วยก็ได้
- ต้องรู้เรื่องดอกเบี้ยธนาคาร
ในการกู้เงินธนาคารเพื่อการซื้อบ้านมือสองธนาคารจะมีการคิดดอกเบี้ย 2 ประเภทได้แก่
- ดอกเบี้ยคงที่ หมายความว่าดอกเบี้ยจะเท่าเดิมไปจนตลอดสัญญา
- ดอกเบี้ยลอยตัว หมายความว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามการอ้างอิง
โดยดอกเบี้ยทั้งสองลักษณะนี้ แต่ละธนาคารก็จะมีการกำหนดเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป แต่บางครั้งธนาคารก็อาจมีการจัดโปรโมชั่นพิเศษ เช่น ฟรีดอกในปีแรกซึ่งอาจเป็นประโยชน์มากต่อผู้ซื้อในการวางแผนการชำระเงินต้นซึ่งควรพิจารณาให้ดีก่อนที่จะทำสัญญา
- ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการซื้อบ้านมือสอง
จะมีค่าใช้จ่ายอื่นตามมาอีก เช่น ค่าโอน ค่าซ่อมแซม (ถ้ามี) ค่าตกแต่งเพิ่มเติม ค่าประกัน เป็นต้น การซื้อบ้านมือสองจะไม่เหมือนการซื้อบ้านมือหนึ่ง เพราะจะไม่มีเงินดาวน์ หรือการผ่อนเงินดาวน์ ดังนั้นต้องมีเงินสำรองไว้เผื่อนในกรณีเหล่านี้ให้พร้อมด้วย
สรุปแล้วผู้ซื้อต้องคิดดูให้ดีว่าคุ้มค่าหรือไม่ กับการซื้อบ้านมือหนึ่งที่ต้องซื้อจากโครงการ เพราะการซื้อบ้านมือสองนั้นผู้ซื้อต้องจัดการทุกอย่างก่อนที่จะเดินเรื่องกับธนาคาร ซึ่งที่สำคัญผู้ซื้อต้องมีเงินสำรองในการใช้จ่ายอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งด้วย