การดูแลบ้านในฤดูฝน เทคนิคการดูแลป้องกันความเสียหายจากน้ำน
ฤดูกาล และดินฟ้าอากาศมักทำให้บ้านอันเป็นที่รักของเราได้รับความเสียหาย และเปอะเปื้อนอยู่เสมอ แต่หากเรารู้วิธีหรือเทคนิคในการดูแลป้องกันก็จะช่วยลดความเสียหายเหล่านั้นลงได้ เมื่อย่างเข้าเดือน 6 อันเป็นฤดูฝนในบ้านเราใกล้หรือเข้ามาแล้ว ฝนฟ้ามาแล้วบ้านของเราจะเป็นอย่างไรกับบ้าง และจะมีวิธีป้องกันอย่างไร มาดูกับเลย
- ให้ดูที่หลังคาก่อนเป็นอันดับแรก
ต่อมาก็เพดานฝ้า ฝาผนัง เพราะเป็น 3 จุดที่ควรเอาใจใส่เป็นอันดับต้น ๆ เจ้าของบ้านต้องดูแลให้ดี ว่ามีรอยแตกร้าว รอยรั่วตรงไหนบ้างหรือไม่ ให้สังเกตได้จากคราบน้ำที่หยดหรือซึมลงมา เมื่อพบควรรีบแก้ไขหรือติดต่อช่างให้มาดู และลงมือทำให้เสร็จก่อนที่ฝนจะตกใหญ่
- ดูแลรางน้ำฝนด้วยการทำความสะอาด
พร้อมท่อระบายน้ำทิ้งด้วย ไม่ควรปล่อยให้มีเศษผง หรือเศษใบไม้ลงไปอุดตันปิดกั้นทางเดินของน้ำ เนื่องจากถ้าปล่อยทิ้งไว้และเกิดการอุดตันจะทำให้น้ำเอ่อล้นออกมากลายเป็นน้ำท่วมหรือนำรอระลบายได้ ซึ่งอาจไปทำให้ส่วนอื่นของบ้านต้องเสียหายอีกด้วย
- ให้ขัดล้างพื้นหลังฝนตก
หลังฝนตกใหม่ ๆ มักจะพบคราบสิ่งสกปรก หรือคราบตะไคร่เกาะติดอยู่ที่พื้นซีเมนต์ หรือถนนเข้าบ้าน ซึ่งอาจลื่นหกล้มได้โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และเด็ก ๆ ควรสังเกตและทำความสะอาดให้ดี ไม่ควรปล่อยให้เป็นคราบเพราะจะยิ่งหนาขึ้นทำความสะอาดยากขึ้น
- ควรตัดแต่กิ่งไม้ที่ไม่ต้องการออกไปให้เรียบร้อย
เพราะหายเกิดพายุ มีกระแสลมกระโชกจะไม่ได้น่ากลัว และอาจทำให้ส่วนอื่น ๆ ของบ้านได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะถ้าเป็นกิ่งไม้ใหญ่ที่ติดชายคาบ้าน ต้องระวังให้มากอาจหักลงมาทับหรือทำให้กระเบื้องหลังคาแตกหักเสียหายได้ ควรหาวิธีตัดออกให้เรียบร้อย
- ถ้ามีที่ควรนำไม้ใหญ่มาปลูก
และทำไม้ค้ำเพื่อเสริมความแข็งแรง เนื่องจากในฤดูฝนเป็นช่วงที่เหมาะสมกับการปลุกต้นไม้ ให้นำไม้ที่ปักชำไว้ลงดิน เมื่อให้เป็นที่กันลมกับแดดต่อไป ซึ่งไม้ใหญ่เหล่านี้จะโตเร็วและสามารถให้ร่มเงาได้ทันใจ แต่การลงแรก ๆ ควรต้องทำไม้ค้ำไว้ให้ดีเพื่อความแข็งแรงด้วย
- ถ้าบ้านใดที่มีเฟอร์นิเจอร์สนามควรย้ายเข้าที่หลบฝนด้วย
เพราะเฟอร์นิเจอร์สนามบางอยู่อาจไม่ทนฝน อาจอเสียหายได้ หรือถ้าไม่มีที่พอที่จะเคลื่อนย้ายให้นำผ้าใบกันน้ำมาคลุมไว้ก็ได้เป็นการชั่วคราว ทั้งนี้เพื่อให้เฟอร์นิเจอร์นั้นสามารถคงอยู่และใช้ได้เป็นเวลานาน ไม่เสื่อมโทรมก่อนเวลาอันควร
