การซื้อบ้านหลังแรกต้องเริ่มต้นอย่างไร
การจะซื้อบ้านสักหลัง นอกจากจะต้องคำนึงถึงเรื่องเงินแล้ว ยังต้องมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องศึกษา ตั้งแต่ความรู้เรื่องทำเล งบประมาณ การกู้เงินจากธนาคาร และปัญหาอื่น ๆ ที่อาจตามมาอีกไม่น้อย เพื่อให้บ้านหลังแรกต้องเหมาะกับเรามากที่สุด
ความรู้เบื้องต้นสำหรับคนที่ต้องการมีบ้านเป็นของตนเอง
- ต้องหาข้อมูลสำหรับเป็นพื้นฐานให้สามารถที่จะเลือกบ้านได้ดีที่สุด จะทำให้มีความมั่นใจได้เป็นอย่างดี สำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหาบ้านสักหลัง จำเป็นต้องรู้ข้อดี ข้อเสียของบ้านที่ต้องการ และเรื่องเอกสารที่จำเป็นต้องใช้เพื่อการแสดงสิทธิ์ให้พร้อมก่อนการตัดสินใจ
- การซื้อบ้านสักหลังไม่ใช่เรื่องง่าย หรือจะทำกันเล่น ๆ ต้องรู้อะไรหลายอย่าง เพื่อช่วยใช้เป็นข้อมูลได้อย่างถูกต้อง
- การาดูแบบบ้านที่ต้องการ บ้านมีอยู่หลายแบบ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านทาวน์เฮ้าส์ คอนโต ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียที่ต่างกันออกไป ต้องดูว่าแบบไหนที่เหมาะกับเรามากที่สุด
- ต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งความพร้อมเรื่องเงิน การเป็นหนี้ธนาคาร และการผ่อนชำระ อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาการผ่อน ซึ่งต้องมีเอกสารให้พร้อม
- ต้องทำความรู้จักกับเอกสารการแสดงกรรมสิทธิ์ก่อนเป็นอันดับแรก เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนที่ต้องการมีบ้าน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ขาย เช่า หรือซื้อเนื่องจากเอกสารนี้เป็นหลักฐานทางกฎหมายที่จะใช้ยืนยันสิทธิ์การเข้าอยู่ และเป็นผู้ครอบครอง หรือเข้าทำประโยชน์ในที่ดินนั้น
- สัญญาสำคัญ 3 ฉบับที่ผู้ซื้อบ้านต้องรู้จักและต้องศึกษา ต้องศึกษากับเอกสารให้เข้าใจทั้งหมด เพื่อมิให้เกิดปัญหาข้อพิพาท หรือปัญหาอื่น ๆ ในภายหลัง
- การซื้อบ้านจะมีการกำหนดคำศัพท์ที่ใช้เฉพาะในการซื้อบ้าน ผู้ซื้อทุกคนต้องศึกษาและต้องรู้ให้ครบถ้วน โดยเฉพาะผู้ซื้อที่เป็นมือใหม่ที่ยังไม่เคยมีบ้านเป็นของตนเองมาก่อน อจจะยังงงกับคำศัพท์ที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนก็ได้ และอาจทำให้เสียโอกาสในการซื้อ รวมถึงถ้ามีโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่อาจมีผลต่อราคาบ้านก็ได้
- ให้ทำความรู้จักกับผู้แทนขายบ้าน หรือที่รู้จักกันดีว่านายหน้า เพื่อการศึกษาข้อมูลการซื้อขาย แต่ต้องเข้าใจการทำงานของพวกนายหน้าให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งอาจทำให้ได้บ้านที่ถูกใจพร้อมราคาที่พอใจก็ได้ หรืออย่างน้อยก็ได้บ้านที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว และสะดวกสบายกว่าการออกไปหาด้วยตนเอง ดังนั้นไม่ควรมองข้ามระบบนายหน้า แม้จะต้องเสียค่าป่วยการบ้านก็น่าจะคุ้มกว่า แต่ส่วนใหญ่แล้วค่านายหน้านี้เขาจะไปคิดกับผู้ขายมากกว่า เนื่องจากผู้ขายเป็นฝายได้รับเงิน อีกประการควรทำความตกลงกันก่อนในเรื่องค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่นค่าโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ว่าใครจะเป็นฝ่ายออก หรือว่าจะให้ออกกันคนละครึ่ง
